วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ไขความหมายของงานที่ดีที่สุดในโลก

เพื่อให้มองเห็นภาพที่ชัดเจน และเข้าใจความหมาย และเห็นทางสว่างของการทำเงิน ทางอินเตอร์เน็ตอย่างแท้จริงว่า มันดีกว่างานทุกงานในโลกอย่างไร เรามารู้กันก่อนว่า งานดีที่สุด ควรประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

1. การพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง...เราต้องสามารถพัฒนางานของเราได้ เลือกวิธีทำงานได้ด้วยตัวเอง เลือกเวลาทำงานได้ด้วยตัวเอง
2. หนทางทำเงินได้ไม่สิ้นสุด ไม่มีทางตัน...จะต้องเป็นงานที่ทำเงินได้กว้างไกล ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
3. จะต้องเป็นงานที่ทำแล้วสบายใจ ...ไม่ทำให้เสียเพื่อน หรือสังคม และทำแล้วเท่ห์ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร

งานธุรกิจเครือข่ายเป็นแนวคิดที่ดี ในการสร้างกำไรแบ่งปัน ในเครือข่าย...ทำให้อาชีพได้เงินเดือนสูงๆ ลาออกมาทำกัน เพราะใครๆ ก็เบื่องานประจำค่ะ !!! ความจริงข้อนี้ยังคงอยู่ และฮิตตลอดกาล ส่วนใหญ่ที่ทนทำงานประจำ เพราะไม่รู้จะทำไร !!! เงินเดือนสูงๆ อยากหาอะไรที่ดีกว่านั้น แต่งานเครือข่ายไม่ผ่านเรื่องของสังคม เพราะลึกๆ แล้ว คือ การตื้อคนนั่นเอง ..เชื่อว่านักธุรกิจเครือข่ายที่ทุ่มเทมากมาย

ความยากของงานเครือข่าย (MLM) คือ
1. ต้องมีรักษายอด ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เพราะระบบอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น หรือไม่มีเงินเข้าระบบนั่นเอง ถ้าธุรกิจไหนไม่มีรักษายอด ลงทุนครั้งเดียว การรับรายได้ก็ไม่ต่อเนื่องยั่งยืน
2. ธุรกิจเครือข่าย มักประกอบด้วยสินค้า เพื่อจำหน่ายเรียกเงินเข้ามาในระบบ และตัวสินค้านี่เอง มักมีราคาสูงกว่าท้องตลาด ขยายก็คือ ใครๆ ก็อยากใช้ของดี สินค้าของธุรกิจเครือข่ายทุกค่าย เชื่อว่า เป็นสินค้าที่ดีมากๆ เป็นจุดขายของธุรกิจ จึงทำให้เกิดการสร้างธุรกิจเครือข่ายขึ้นมา...แต่ถ้าคนไม่มีกำลังจะซื้อบ่อยๆ การสร้างธุรกิจก็ไม่ต่อเนื่องเท่าไหร่
3. คนมักจะกลัวที่จะคุยกับนักธุรกิจเครือข่าย หรือบางทีคนรู้จักกันซื้อสินค้าด้วยความเกรงใจ แต่มักลงเอยด้วยความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ห่างออกในที่สุด
4. ธุรกิจเครือข่ายที่มีสินค้าประเภทอาหารเสริม เครื่องสำอางหรืออะไรก็ตามที่เป็นตัวสินค้าที่มีคู่แข่งขันจำนวนมาก มักจะประสบความสำเร็จได้ยาก เพราะการแข่งขันทางด้านผลตอบแทนจากแผนการตลาดที่สูงกว่า สินค้าที่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน และการซื้อตัวหัวหน้าทีมในบางค่าย ดังนั้นในปัจจุบันคนจึงมักจะไม่ค่อยอยู่ในบริษัทใด บริษัทหนึ่งนานๆ มักจะชอบไปย้ายไปอยู่ในบริษัทเปิดใหม่ เป็นต้นๆ สายเสียมากกว่า
5. ค่าใช้จ่ายในการทำงานเครือข่ายสูงมาก กว่าจะคืนทุนใช้เวลานานมากเช่นกัน พอเริ่มคืนทุนก็ต้องไปช่วยทีมงานในต่างจังหวัดอีก ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นอีก หักค่าใช้จ่ายแล้วบางเดือนก็เหลือไม่เท่าไหร่ ทำให้คนเลิกทำถึงแม้ตำแหน่งสูงขึ้นก็ตาม

กำจัดจุดอ่อนด้วย งานแห่งยุคใหม่ !!! งานอินเตอร์เน็ตไม่ใช่ธุรกิจเครือข่าย แต่มีส่วนดีที่ธุรกิจเครือข่ายมี แต่ไม่มีส่วนเสียที่ธุรกิจเครือข่ายมี

งานทางเน็ตเรียกว่า Affiliate Program ซึ่งเป็นการสร้างพลังของเครือข่าย ที่ไม่ต้องเสียเงินเข้าร่วม ถึงเสียก็เสียไม่มาก ไม่ต้องตื้อ และไม่ต้องรักษายอดสูง

เป็นที่น่าเสียใจที่เว็บไทยบางเว็บทำธุรกิจเครือข่าย และใช้คำว่า Affiliate Program ซึ่งมันไม่เหมือนกัน จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด สำหรับงานทางเน็ต Affiliate Program เป็นเพียงงานจำพวกหนึ่งของงานทางเน็ตเท่านั้น ยังมีโจทย์ทำเงินมากมายทางเน็ต

เอาง่ายๆ อธิบายให้เห็นภาพ "มีเว็บไซต์ เหมือนมีตึกแถว แต่เว็บไซต์เข้าถึงได้ง่ายจากทั่วโลก และทำอย่างไรที่เราจะเป็นเจ้าของธุรกิจได้ แต่กำจัดความยุ่งยากในการบริหารงาน”


4. จะต้องเป็นงานที่สร้างอิสระในการใช้ชีวิต มีเวลาสร้างสิ่งดี มีเวลาดูแล "หัวใจ" ของผู้ให้กำเนิด และทำดีต่างๆ นานา เพราะแท้จริง ชีวิตคือการเกิดมาใช้กรรม สร้างกรรม ไม่ใช่เกิดมาใช้เงิน สร้างทรัพย์สินหากเป็นงานที่มัวแต่หาเงิน จนไม่มีเวลาทำสิ่งดี ในขณะที่เวลายังเดินเรื่อยๆ ไม่มีหยุดเดิน นั่นคือความไม่แน่นอน ทางเลือกแห่งชีวิต ทุกคนกำหนดได้

การเกิดมาเพื่อทำโจทย์แห่งชีวิต และการสะสมความดี เพื่อรอรับ "คะแนน" จากบททดสอบแห่งชีวิต ต่อสิ่งล่อ หนทาง ขาว ดำ ต่างๆ ชีวิตก็เป็นสิ่งไม่แน่นอน เกิดก่อนตายก่อนมีถม เกิดหลังอยู่เกินร้อย ก็มีให้เห็น ความไม่แน่นอนนี้ คือ สิ่งที่จะพลาดไม่ได้ ในการทำให้งานที่ทำ ต้องควบคู่ไปกับองค์ประกอบแห่ง “การแทนคุณ” และมีอิสระในการสร้าง “ความดี”ไม่ใช่ครอบครัวแยกย้าย สักวันได้ดี ฉันจะแทนคุณ ในขณะที่ทำงานไปเรื่อยๆ ใช้เงินเดือนชนเดือน จนไม่รู้ว่าจะมีวันได้ดีวันไหน
คำว่า “ครอบครัว” คือ พ่อ แม่ ลูก ทุกคนมีพ่อแม่ พ่อแม่ไหนๆ ก็อยากให้ลูกได้ดีทั้งนั้น จะได้คุยได้โม้ได้ และจะได้ภูมิใจส่วนตัวที่ลูกได้ดี แต่ก็มีพ่อแม่มากมาย ที่แอบเหงาว่า เราก็เหมือนเรือจ้าง ส่งถึงฝั่งลูกทำมาหากินได้ก็มีความสุข นานๆ ทีจะมีของขวัญจากลูกมาให้ ก็ดีใจ ไม่ใช่เรื่องของทรัพย์สิน แต่เรื่องของความคิดถึง "ดีนะที่เค้ายังคิดถึงเราอยู่" ความอบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตา คงหาได้จากสงกรานต์ ปีใหม่ เทศกาลต่างๆ นั่นคงเป็น "วันแห่งความอบอุ่นของ 2 ตายาย"
คำว่า ความอบอุ่น การอยู่ดูแลกัน วันทั้งวันไม่มีอะไรจะพูดกัน ก็อบอุ่น เหมือนความรัก ชายหญิงรักกัน บางทีไม่มีเรื่องไรคุยกัน ก็อบอุ่น แค่รู้ว่าเค้าอยู่ใกล้ๆ เรา และคอยให้เราคุยด้วย เมื่อเหงา ก็อบอุ่น หากนานๆ เจอกันทีตามโอกาสแห่งเทศกาล แม้จะคิดถึงกันเหลือเกิน พอถึงจุดหนึ่ง ก็ไม่รู้จะคุยอะไรกัน กับความอบอุ่นชั่วคราวที่ได้รับ ในที่สุดก็ถึงเวลา “กลับไปทำงาน” ทำไงได้ ชีวิตเลือกไม่ได้ ไม่ได้เกิดบนกองเงินกองทอง เลือกไม่ได้จริงเหรอ ทุกอย่างตัวเราเอง สามารถตัดสินใจได้เองทั้งสิ้น

นั่นคือ ตัวอย่างของงานยุคเก่า งานยุคเก่าสอนให้คนเดินตามวิถี เรียนจบ หางาน งานล้น เรียนต่อ จบมาถ้าหางานได้..เบื่องาน งานประจำใครๆ ก็เบื่อ แม้ตอนเข้าจะแย่งกันเข้าเหลือเกิน จากหลักฐานใบสมัครงานร่วมพันใบแต่รับจริงแค่ 1 ตำแหน่ง

*** งานแห่งยุคใหม่ คือ งานที่อยู่บนพื้นฐานแห่งอินเตอร์เน็ต เครือข่ายโยงใยทั่วโลก ที่เพิ่งเข้ามามีบทบาท เมื่อ 10 - 20 ปีที่แล้ว ***

5. งานดีที่สุดในโลก ควรเป็นงานที่เราไม่ควรทำแบบธุรกิจส่วนตัว...แต่คำว่าธุรกิจส่วนตัว คือ การวางแผน และ การรับผิดชอบมากมาย คำว่า "เจ้าของบริษัท" อาจดูหรู แต่ถ้าบริหารไม่ดี ก็ขาดทุนบริหารดีก็ดีไป การบริหารจำเป็นต้องรับความเสี่ยงต่างๆ มากมาย และกรณีมีผู้ร่วมงานในกิจการที่คุณภูมิใจสร้าง คุณต้องพร้อมรับผิดชอบ รายได้ของผู้ร่วมงาน ผู้ร่วมงานอยากได้เงินเพิ่ม คุณไม่มีให้ ผู้ร่วมงานลาออก ไปหาที่ที่ให้มากกว่า ก็ต้องหาผู้ร่วมงานใหม่ สอนงานกันใหม่ นั่นคือ ความวุ่นวาย ปวดสมอง เสียสุขภาพ

แล้วเราจะเป็นอะไรในการทำเงิน? เราควรเป็นเพียงตัวกลาง ในการทำโจทย์ธุรกิจ ทำให้เรามีอิสรเสรีอย่างแท้จริง ..ในข้อนี้ เมื่อเข้าใจการทำงานทางเน็ต จะเข้าใจเองค่ะ

เมื่ออ่านเรื่อง ลักษณะของงานที่ดีที่สุดในโลก พอสมควรแล้ว คงพอจะเริ่มมีกำลังใจขึ้นแล้วว่า สิ่งที่กำลังจะศึกษานั่น ถ้าเป็นตามลักษณะของงานที่ดีที่สุดในโลกทุกข้อแล้ว คงเป็นงานที่ดีที่อยากทำจริงๆ เรามาเรียนรู้คร่าวๆ กันดีกว่าว่า "เงิน" ทางเน็ต มันเกิดขึ้นได้ยังไง


ทุกธุรกิจต้องมีที่มาของกำไร และการทำงานเพื่อให้เกิดกำไร หากขณะนี้คุณทำงานประจำอยู่ คุณก็รู้แน่นอนว่า บริษัทคุณทำอะไร มีรายได้อย่างไร

มาเรื่อง เงินทางเน็ต งานทางเน็ต บางอย่าง เน้นว่าบางอย่าง เพราะงานทางเน็ตมีเยอะมากๆ ก็เหมือนงานนอกจอนี่แหละครับเริ่มต้นจาก เมื่อมีคนทำเว็บไซต์ขึ้นมา คนที่ทำเว็บไซต์ขึ้นมา ต้องมีจุดประสงค์ที่ต้องการจะเสนออะไรซักอย่าง หรือโฆษณาอะไรซักอย่าง หรือแม้กระทั่งทำเล่นๆ เป็นข้อมูลไว้ แต่หากเหตุผลของการทำเว็บไซต์นั้น คือ ความอยากนำเสนอ ให้คนมากมายได้เห็นข้อมูล ได้เห็นธุรกิจ เพื่อประโยชน์ของผู้ทำธุรกิจเอง ก็เป็นสาเหตุให้ผู้ทำเว็บไซต์นั้น อยากโฆษณาให้มากที่สุด และคิดว่าจะโฆษณายังไง ให้คนเห็นมากที่สุด และคุ้มที่สุด

อย่างเช่น บริษัทคุณเป็นบริษัทท่องเที่ยว คุณอยากโฆษณาบริษัท จะได้มีลูกค้าเยอะๆ กำไรจะได้เยอะๆ คุณทำเว็บไซต์แนะนำบริษัท และรายการท่องเที่ยวขึ้นมาแล้ว แต่ไม่มีคนเข้าดู เพราะยังไม่มีการโฆษณา แล้วใครจะรู้ว่าคุณทำอะไร และอีกอย่างก็คงไม่ได้มีคุณเพียงคนเดียวที่ทำธุรกิจท่องเที่ยว คนอยากเที่ยวจะไปใช้บริการกับบริษัทที่เขาเห็นโฆษณาเท่านั้น ดังนั้นระบบนี้จึงให้คนหาเงินทางเน็ตด้วยการโปรโมทเวปให้ ถ้ามีคนมาซื้อบริการท่องเที่ยว คนโฆษณาให้ก็ได้คอมมิชชั่น ปิ๊งไหมคะ ว่าทำไมคนจึงหาเงินกับบริษัทพวกนี้ได้

มาดูตัวอย่างอีกระบบหนึ่ง มีคนคนนึง คิดสินค้าที่น่าจะขายดีได้ขึ้นมา แต่ไม่รู้จะไปขายที่ไหน ขายก็ไม่เป็น จะไปเร่ขาย ก็ไม่ชอบ

จึงตั้งโจทย์ทำเงินขึ้นมา ใครก็ได้ครับ ผมมีสินค้าชิ้นนี้ แต่ผมไม่รู้จะไปขายใคร แต่ถ้าคุณช่วย เอาไปขายให้ผม ขายได้ผมจะแบ่งกำไรให้ เมื่อแนวคิดนี้ นำเข้ามาใช้ทางเน็ต จึงเป็นช่องทางในการทำเงินได้มากมาย โดยระบบทางเน็ตที่ทำกันคือ คนช่วยขาย ไม่ต้องเอาของไปเร่ขาย ไม่ต้องทำหน้าที่จัดส่งสินค้า แค่สมัครช่วยโปรโมทสินค้า เว็บก็จะให้รหัสโฆษณาสินค้าขึ้นมา ซึ่งเป็นลักษณะลิ้งค์โฆษณา หรือป้ายโฆษณา ที่มี code รหัส ของแต่ละคนที่สมัครช่วยโปรโมทขายสินค้า

ถ้าคุณช่วยเว็บนั้นโปรโมทสินค้า คุณจะได้มาแค่รหัสป้ายโฆษณา ที่คุณสามารถเอาไปโปรโมทตามที่ต่างๆ ส่งเมล์ ลงโฆษณาหรืออะไรก็ได้ โดยที่คุณไม่ต้อง เอาสินค้ามาไว้กับคุณ ไม่ต้องคอยรับผิดชอบส่งสินค้าเลย เพราะถ้ามีคนคลิกป้ายโฆษณาที่ทางเว็บให้คุณ ในการช่วยโปรโมทสินค้า แล้ว มีคนสั่งซื้อสินค้าทางเว็บ ก็จะรู้ว่าสินค้านี้ ขายได้เพราะใคร จะมีระบบตรวจสอบ และทางเว็บจะเป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับการรับเงินที่ลูกค้าจ่ายค่าสินค้า และการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้า ส่วนคุณ ที่เป็นผู้ช่วยโปรโมท ทำหน้าที่เพียงโปรโมท และเช็คยอดว่า มีคนซื้อสินค้าหรือยัง มากน้อยแค่ไหน ได้ผลตอบแทนเท่าไหร่แล้ว และคอยรับส่วนแบ่งกำไรจากเว็บที่คุณช่วยโปรโมท ตามข้อตกลง เช่น ทำยอดรวมได้ถึง 2000 บาท ถึงจะสั่งจ่ายได้ เป็นต้น

นี่ก็เป็นอีกวิธี คุณไม่จำเป็นต้องคิดค้นสินค้า ไม่จำเป็นต้องคอยจัดส่งสินค้า แค่คุณช่วยเค้าโปรโมทตามที่ต่างๆ แล้วคุณก็คอยเช็คยอด แค่นั้น และยังมีเว็บอีกมากมายที่รอคุณช่วยโปรโมท และรอแบ่งจ่ายผลกำไร คุณสามารถสมัครและทำได้มากมายอย่างอิสระเสรี..ซึ่งระบบนี้เรียกว่า ระบบจ่ายค่าตอบแทน เมื่อมีผู้สนใจซื้อสินค้า

มาดูอีกตัวอย่างหนึ่งระบบสินค้าลิขสิทธิ์ จำพวกหนังสือความรู้ เทคนิคต่างๆ โปรแกรมต่างๆเป็นความรู้ทางเน็ตที่ไม่ฟรี เป็น e-book ลิขสิทธิ์ ที่หาไม่ได้ทางเน็ต อยากได้ต้องซื้อ ถามว่าเป็นสินค้าที่หน้าสนใจไหม ลองเข้าดูเว็บ แล้วลองพิจารณาดู จะเห็นความน่าสนใจต่างๆ ที่เจ้าของสินค้ายกมาอธิบาย และถ้าเราช่วยเว็บเหล่านี้โปรโมท เค้าก็จะมีส่วนแบ่งกำไรให้จากลิ้งค์คือ รหัสโปรโมทของเรา

ระบบนี้บางครั้งเราก็อาจจะต้องเป็นลูกค้าเขาก่อน จึงจะมีสิทธิ์สมัครเป็นตัวแทนโปรโมทได้ เราสมัครแล้วได้ลิ้งค์ของเรา เพื่อไปโปรโมทให้คนสนใจ ถ้ามีใครสนใจมาเป็นลูกค้าจากลิ้งค์ของเรา เราก็จะได้ส่วนแบ่งกำไรหรือค่าตอบแทนในการช่วยหาลูกค้าให้กับบริษัทได้ด้วย ซึ่งอันนี้เป็นรายได้ที่ต่อเนื่องยาวนาน ตราบเท่าที่ลูกค้าคนนั้นยังมีรายได้ในระบบอยู่ เขาก็ถือว่าเป็นลูกค้าประจำของบริษัท เราซึ่งร่วมหาลูกค้าด้วยก็ได้รับค่าคอมมิชชั่นต่อไปจนกว่าลูกค้าคนนั้นจะเลิกจ่ายเงินค่าบริการ

และนี่คือสินค้ารูปแบบหนึ่งทางอินเตอร์เน็ต ที่เราสามารถทำเงินได้ เราไม่จำเป็นต้องคิดสินค้า ไม่จำเป็นต้องคอยส่งสินค้า แค่โปรโมทด้วยรหัสของเรา เราก็สามารถทำเงินได้แล้ว เขาก็จะมีระบบให้เราเช็คยอดได้ สั่งจ่ายได้ และนั่นเป็นเพียงแค่บางส่วนจากระบบหนึ่งทางเน็ตเท่านั้น เราจะทำสักกี่ร้อยตัวก็ได้ ในการช่วยโปรโมท นี่คือที่มาที่ทำให้คนทำงานทางเน็ตบางคนมีรายได้วันนึงหลายหมื่น หลายแสนบาท

ยังมีอีกมากมายค่ะ ลองคิดดูว่าธุรกิจในโลกนี้มีอะไรบ้าง และอินเตอร์เน็ตคือสื่อในการเพิ่มพลัง กำไรของธุรกิจเหล่านั้น มีอีกหลายรูปแบบการจะทำเงินทางเน็ต แต่ต้องดูด้วยว่า รายได้ของระบบนั้นได้อย่างไร รูปแบบของงานการได้เงินและการแบ่งจ่ายเป็นอย่างไร สมเหตุและผลหรือไม่ที่จะจ่าย

อินเตอร์เน็ตงานดีที่สุดในโลก บทความนี้เพียงอยากให้หลายๆ คนมาจริงจังกับงานนี้กันมากๆ ในยุคที่น้ำมันแพง การจะทำงานที่ไหนต้องเอาค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายจิปาทะไปหัก เพื่อหาจุดคุ้มของรายได้ โดยไม่คำนึงถึงความสมบูรณ์ของครอบครัว เพราะต่างคำนึงถึงเงินเป็นเรื่องใหญ่

ในยุคที่คนจบปริญญาแห่กันแย่งไปเป็นลูกจ้าง หรือความรู้ปริญญาสอนมาอย่างนั้น?ในยุคที่ต่างดิ้นรน หาเงินกัน ครอบครัวไม่อบอุ่น คนแก่อยู่เหงาๆ ได้แต่แอบภูมิใจ ว่าลูกมีการงานทำในยุคที่แดดร้อนเหลือเกิน ธรรมชาติขาดสมดุล เดี๋ยวฝนถล่มมา เดี๋ยวแดดเผาไม่หยุดงานเน็ตไม่ใช่เรื่องยาก และทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ หลายอย่างไม่มีสอนในโลกเรียนหรือแม้กระทั่งในมหาวิทยาลัย วิชา Internet Marketing ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการทำเงินทางเน็ตเท่านั้น

หวังอย่างยิ่งว่า บทความนี้จะทำให้เข้าใจระบบงานทางเน็ต และเป็นหนทางในการเลือกทางเดินชีวิตที่สมบูรณ์ที่สุดได้

ไม่มีความคิดเห็น: